วิธีการชงชาของญี่ปุ่น
การดื่มชาเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอนเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่รับเข้ามาจากจีน แล้วดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมของตน จนกลายเป็นวัฒนธรรมของตนเองในที่สุด ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่นและ เป็นที่สนใจของคนทั่วโลก
พิธีการชงชานั้นในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ซะโดะ” ชาที่นำมาใช้ชงนั้นจะต้องบดชาให้เป็นผงละเอียด เรียกว่า " มัทฉะ " นอกจากวัตถุดิบที่สำคัญนี้แล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์อย่างอื่นอีก คือ ถ้วยชา ที่เกือบทุกบ้านจะเลือกใช้ถ้วยที่สวยงาม โชว์ศิลปะหรือความพิเศษเฉพาะตัว บางถ้วยมีคุณค่าเป็นมรดกตกทอดประจำตระกูลกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นก็จะมีกระปุกสำหรับใส่ผงชาเขียว ช้อนตักชาที่เป็นช้อนไม้ใผ่ขนาดเล็กๆ ปลายงอเล็กน้อย ไม้ชงชาจะมีลักษณะคล้ายๆ ที่ตีไข่แต่ขนาดเล็กกว่า โดยส่วนที่ใช้คนจะนำไม้ใผ่ซี่บางๆ มาดัดให้โค้งงอ ถ้ายิ่งเป็นพิธีการชั้นสูงก็จะยิ่งมีอุปกรณ์ต่างๆ เยอะขึ้นอีก รูปแบบการจัดพิธีชงชา มักจัดในห้องพิธีชาลำดับการชงชา คือ
ผู้ชงจะใส่มัทฉะ (ผงชาเขียว) ลงในถ้วยชาและตักน้ำร้อนหม้อต้มมาใส่ คนด้วยฉะเซน (ไม้คนชา) จนแตกฟอง เมื่อได้ที่ก็จะยก ถ้วยชาขึ้นหมุนประมาณ 3 ครั้งแล้ววางไว้ด้านหน้าผู้ดื่ม
วิธีดื่ม คือ ยกถ้วยชาขึ้นมา ด้วยมือขวาและวางลงบนฝ่ามือข้างซ้าย หมุนถ้วยชาเข้าหาตัวหลังจากดื่มเสร็จ แล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดขอบถ้วยชา และใช้ไคชิ (กระดาษรองขนม) เช็ดนิ้ว แต่องค์ประกอบที่สำคัญของพิธีชงชาไม่ใช้แค่การชงและการดื่มชา สิ่งสำคัญอยู่ที่การชื่นชมคุณค่าและความงามของสิ่งต่างๆ เช่น ถ้วยชา เครื่องใช้ในพิธีชงชา ชื่นชมความงามของบรรยากาศรอบๆตัวและการสื่อประสานใจระหว่างเจ้าบ้านและแขกผู้มาเยือนนั่นเอง
*** คนญี่ปุ่นเค้าดื่มชากันทั้งวันจริงๆ นะคะ เรียกได้ว่าแทนน้ำเปล่าเลยทีเดียว แต่ชาที่เค้าดื่มเนี่ย ไม่หวาน ไม่มีรสชาติแบบ น้ำผึ้งผสมมะนาว หรือ แอปเปิ้ลนะ เรียกได้ว่าเป็นรสชาติดั้งเดิม ขมๆ นั่นเอง**
ที่มาจาก http://www.j-channel.jp
วิธีการชงชาของญี่ปุ่น
วิธีชงชาของญี่ปุ่น เรียกว่า ชะโนยุ (cha-noyu )
ชาเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในญี่ปุ่นโดยพระภิกษุนิกายเซน ชื่อ ท่านเอไซ จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้นั่งเข้าฌานได้นานๆ ด้วยเหตุนี้พระจึงนิยมดื่มกันก่อนชาวบ้านทั่วไป ชาเขียวที่นิยมดื่มได้แก่ เซนชะ (sencha) โฮจิชะ (Houjicha)บันชะ (Bancha) และชาที่ถือว่าเป็นชาชั้นเยี่ยมคือ เกียวกุโระ (Gyokuro) และท่านเอไซก็เป็นผู้ริเริ่มพิธีชงชา ที่เรียกว่า วะบิชะ (wabicha)
ชาเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในญี่ปุ่นโดยพระภิกษุนิกายเซน ชื่อ ท่านเอไซ จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้นั่งเข้าฌานได้นานๆ ด้วยเหตุนี้พระจึงนิยมดื่มกันก่อนชาวบ้านทั่วไป ชาเขียวที่นิยมดื่มได้แก่ เซนชะ (sencha) โฮจิชะ (Houjicha)บันชะ (Bancha) และชาที่ถือว่าเป็นชาชั้นเยี่ยมคือ เกียวกุโระ (Gyokuro) และท่านเอไซก็เป็นผู้ริเริ่มพิธีชงชา ที่เรียกว่า วะบิชะ (wabicha)
ชะโด (chadou) แปลว่าวิถีแห่งชา คือวิธีการชงชา ที่มีพื้นฐานมาจากความเคารพ และชื่นชมความงามของสรรพสิ่งในวิถีชีวิต ส่วนท่านเซนโนะ ริคิว (sen no Rikyu )เป็นผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงในการชงชา ลูกหลานขอท่านได้ตั้งสำนักเซนเคะ (senke) ซึ่งทำให้พิธีชงชาได้สืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน และเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก...
ขั้นตอนวิธีชงชาของญี่ปุ่น
การชงชาเริ่มจากเจ้าภาพตักชาเขียวป่น(Matcha) ลงในถ้วยชา (chawan) จากนั้นตักน้ำร้อนจากหม้อต้มใส่ลงไป แล้วใช้ไม้สำหรับคนชา (chasen) คนจนชาเป็นฟอง แล้วยกถ้วยชาส่งให้บรรดาแขก เมื่อแขกคนแรกรับถ้วยชาม
ก็จะหันไปกล่าวขอโทษแขกคนถัดไปที่ตนเป็นผู้ดื่มชาก่อน แล้วหันไปคำนับเจ้าภาพเป็นการขอบคุณจากนั้นจึงยกถ้วยชาขึ้นดื่ม
ขนมที่ใช้ทานคู่กันในการดื่มชา
เป็นขนมหวาน เรียกว่า วากาชิ (wagashi) ได้แก่...
ขนมโยกัน (Yokun) เป็นเจลลี่ถั่วแดงหวาน
ขนมมันจู (Manju) คือซาลาเปาบ้านเรานั่นเอง
ขนมซากุระโมชิ (sakuramoshi) เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวไส้ถั่วแดงห่อด้วยใบ
ซากุระหมักเกลือ แสดงถึงฤดูใบไม้ผลิ
ขนมสึกิมิดังโกะ( Tsukimidan- go) เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ใช้ในพิธีชมจันทร์
ขอแนะนำชาญี่ปุ่นที่ดื่มในโอกาสต่างๆ
ชา shincha จะมีในเดือนพฤษภาคม เป็นชาแรกที่เก็บได้ของฤดู
ชา Mugicha หรือชาข้าวบาร์เลย์ นิยมดื่มใน ฤดู ร้อน
ชา sakurayu ดื่มในโอกาสงานมงคลเป็นชาที่ได้จากการชงน้ำร้อนกับกลีบกุหลาบแทนชาเขียว แล้วปรุงรสด้วยเกลีอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น