วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556


วัฒนธรรมญี่ปุ่น กะมัง

กะมัง (ญี่ปุ่น我慢) เป็นศัพท์ภาษาญี่ปุ่น อันมีต้นกำเนิดจากศาสนาพุทธนิกายเซน ซึ่งหมายถึง "ซึ่งอดทนในสิ่งที่เหลือทน ด้วยขันติและความสง่างาม" คำดังกล่าวมักแปลว่า "ความมานะอุตสาหะ" หรือ "ขันติ" ส่วนศัพท์ที่เกี่ยวข้อง กะมังสุโยอิ (我慢強い) คำประสมซึ่งรวมกับคำว่า สึโยอิ (เข้มแข็ง) หมายถึง "ได้รับความทุกข์ทรมานจากสิ่งที่เหลือทน" หรือมีระดับความอดทนประเภทไม่ยินดียินร้ายสูง
กะมังได้รับการอธิบายไว้หลากหลายตั้งแต่เป็น "กฎ" "คุณธรรม" "อุปนิสัย" หรือ "คุณสมบัติ" เป็นต้น หมายความว่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดในช่วงเวลาทุกข์ยาก และคงการควบคุมตนเองและระเบียบวินัยไว้ กะมังเป็นคำสอนของนิกายเซน

ที่มาของคำว่ากะมัง

กะมังเป็นคำที่คาดว่าใช้แก่ชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นและอื่น ๆ ที่ถูกคุมขังอยู่ในค่ายกักกันของสหรัฐอเมริการะหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น บางครั้ง คำว่า "กะมัง" ถูกเข้าใจผิดไปว่าเป็นพฤติกรรมที่คิดถึงแต่ตัวเอง หรือขาดความแน่วแน่หรือขาดความริเริ่ม มากกว่าการแสดงความเข้มแข็งขณะเผชิญกับความทุกข์ยากหรือความเจ็บปวดทรมาน กะมังเป็นรูปแบบที่ไม่แสดงออกและมุ่งเน้นการอดทนและไม่ปริปากบ่นในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ผู้คนจะร่วมกันบรรลุเป้าประสงค์ของพวกเขา
หลังแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 ความสามารถในการกลับฟื้นคืน ความมีอารยะ การไร้ซึ่งเหตุจี้ปล้น และความสามารถของชาวญี่ปุ่นในการช่วยเหลือกันและกันถูกเชื่อมโยงกับวิญญาณกะมังอย่างกว้างขวาง คนงานราว 50-70 คนซึ่งยังรั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิที่ได้รับความเสียหายและปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมา แม้จะมีอันตรายร้ายแรงนั้น ถูกนับว่าเป็นกะมังเช่นเดียวกัน

การจัดลำดับแบบอิโระฮะ

  1. い (อิ)
  2. ろ (โระ)
  3. は (ฮะ)
  4. に (นิ)
  5. ほ (โฮะ)
  6. へ (เฮะ)
  7. と (โทะ)
  1. ち (ชิ)
  2. り (ริ)
  3. ぬ (นุ)
  4. る (รุ)
  5. を (โวะ)
  6. わ (วะ)
  7. か (คะ)
  1. よ (โยะ)
  2. た (ทะ)
  3. れ (เระ)
  4. そ (โซะ)
  5. つ (สึ)
  6. ね (เนะ)
  7. な (นะ)

  1. ら (ระ)
  2. む (มุ)
  3. う (อุ)
  4. ゐ (วิ)
  5. の (โนะ)
  6. お (โอะ)
  7. く (คุ)
  1. や (ยะ)
  2. ま (มะ)
  3. け (เคะ)
  4. ふ (ฟุ)
  5. こ (โคะ)
  6. え (เอะ)
  7. て (เทะ)
  1. あ (อะ)
  2. さ (ซะ)
  3. き (คิ)
  4. ゆ (ยุ)
  5. め (เมะ)
  6. み (มิ)
  7. し (ชิ)
  1. ゑ (เวะ)
  2. ひ (ฮิ)
  3. も (โมะ)
  4. せ (เซะ)
  5. す (ซุ)
การจัดลำดับนี้มีรากฐานมาจากเพลงอิโระฮะ (いろは歌) โดยใช้ฮิระงะนะทั้ง 47 ตัวตามลำดับ ส่วน ん (-น) ไม่ได้จัดอยู่ในลำดับ แต่ก็อาจนำไปต่อท้ายสุดได้
การจัดลำดับเช่นนี้เคยใช้ในเอกสารทางการที่เป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยการจัดลำดับแบบห้าสิบเสียง (อะอิอุเอะโอะ) ตามที่กำหนดไว้ใน แนวทางการสร้างเอกสารทางการ (公用文作成の要領)

กิโมโน

กิโมโน (ญี่ปุ่น着物 kimono คิโมะโนะ ?) เป็นชุดแต่งกายประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น

ลักษณะของกิโมโน

กิโมโนประกอบด้วยเสื้อนางางิ (長着) ซึ่งมีลักษณะเป็นคลุมขนาดยาวที่มีแขนเสื้อที่มีความกว้างมาก และสายโอบิ (帯) ซึ่งใช้รัดเสื้อคลุมนี้ให้อยู่คงที่ ชุดกิโมโนทั้งของหญิงและชายเมื่อใส่แล้วจะพรางรูปของผู้สวมใส่ไม่ให้เห็นสัดส่วนที่แท้จริง ชุดกิโมโนของผู้หญิงโสดเป็นกิโมโนแขนยาว ลวดลายที่นิยมคือลายดอกซากุระ กิโมโนของผู้หญิงแต่งงานแล้วจะเป็นกิโมโนแขนสั้นสีไม่ฉูดฉาดมาก

ประวัติ


สมัยนารา (ค.ศ. 710 - 794) ก่อนที่ชุดกิโมโนจะเป็นที่นิยม ชาวญี่ปุ่นมักแต่งชุดท่อนบนกับท่อนล่างเหมือนกันหรือไม่ก็เป็นผ้าชิ้นเดียวกันไปเลย
ต่อมาในสมัยเฮอัน (ค.ศ. 794 - 1192) ซึ่งถือเป็นช่วงเริ่มต้นการใส่กิโมโน ชาวญี่ปุ่นพัฒนาเทคนิคการตัดชุดเสื้อผ้าด้วยการตัดผ้าเป็นเส้นตรง เพื่อให้ง่ายต่อการสวมใส่ หยิบมาคลุมตัวได้ทันที ทั้งยังเป็นชุดที่เหมาะกับทุกสภาพอากาศ สามารถเปลี่ยนเนื้อผ้าที่ตัดเย็บให้เหมาะกับฤดูกาล ความสะดวกสบายนี้ทำให้ชุดกิโมโนแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว โดยวงการแฟชั่นสมัยนั้น ผู้ตัดเย็บก็จะคิดหาวิธีที่ทำให้ชุดกิโมโนมีสีสัน ผสมผสานกันด้วยสีต่างๆให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและชนชั้นทาง สังคมถือว่าเป็นช่วงที่ชุดพัฒนาในเรื่อง สี มากที่สุด
ในยุคคามาคุระ (ค.ศ. 1338 - 1573) ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะนิยมใส่ชุดกิโมโนที่สีสันแสบทรวง ยิ่งเป็นนักรบจะต้องยิ่งใส่ชุดที่สีฉูดฉาดมากๆเพื่อแสดงถึงความเป็นผู้นำบางครั้งเรียกว่าไปแข่งแฟชั่นกันในสนาม รบเลยทีเดียว
ต่อมาในยุคเอโดะ ( ค.ศ. 1600-1868 ) ช่วงที่โชกุนโตกูกาวาปกครองญี่ปุ่น โดยให้ขุนนางไปปกครองตามแคว้นต่างๆ นั้น ในช่วงนี้นักรบซามูไรแต่ละสำนักจะแต่งตัวแบ่งแยกตามกลุ่มของตัวเอง เรียกว่าเป็น "ชุดเครื่องแบบ" เลยด้วยซ้ำชุดที่ใส่นี้ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ชุดกิโมโน ชุดคามิชิโม ตัดเย็บด้วยผ้าลินินใส่คลุมชุดกิโมโนเพื่อให้ไหล่ดูตั้ง และกางเกงขายาวที่ดูเหมือนกระโปงแยกชิ้นชุดกิโมโนของซามูไรจำเป็นต้องเนี้ยบมาก ดังนั้นจึงเป็นช่วงที่พัฒนากิโมโนไปอีกขั้น จนเป็นผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
สมัยต่อมา ในยุคเมจิ (ค.ศ. 1868 - 1912) ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากต่างชาติมากขึ้น ชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนมาใส่ชุดสากลในชีวิตประจำวัน และจะใส่ชุดกิโมโนเมื่อถึงงานที่เป็นพิธีการเท่านั้น

เกชะ

เกชะ (ญี่ปุ่น芸者 geisha “ศิลปิน” ?) เป็นอาชีพหนึ่งของสตรีญี่ปุ่นในสมัยก่อน ถือว่าเป็นผู้ที่ชำนาญทางศิลปะและให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ เป็นเสมือนผู้คอยต้อนรับและปรนนิบัติแขก เกชะมีอยู่แพร่หลายอย่างมากในญี่ปุ่น ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ19 เมื่อ ค.ศ. 1920 มีจำนวนเกชะถึง 80,000 คน ส่วนในปัจจุบันแม้ว่าจะยังมีอาชีพเกชะ แต่จำนวนค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับเกชะฝึกหัดจะเรียกว่า ไมโกะ (ญี่ปุ่น舞子 maiko ?)
คำว่า "เกชะ" นั้น ภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า "เกชะ" ในแถบคันไซ เรียกว่า เกงิ (芸妓, げいぎ) ส่วนเกชะฝึกงาน หรือ "เกโกะ" (芸子, げいこ) นั้น มีใช้มาตั้งแต่สมัยเมจิ ส่วนคำว่า "กีชา" ที่เรียกว่า "สาวเกชะ" นั้น นิยมเรียกในช่วงปฏิบัติการร่วมระหว่างญี่ปุ่นและอเมริกา หมายถึง หญิงขายบริการ แต่เรียกตัวเองว่า "เกชะ"
อาชีพของเกชะนั้น พัฒนาขึ้นมาจาก ไทโคะโมะชิ หรือ โฮกัง ซึ่งคล้ายกับพวกตลกหลวงในราชสำนัก เกชะในสมัยแรกนั้นล้วนเป็นผู้ชาย ส่วนผู้หญิงที่ทำหน้าที่อย่างเดียวกันนั้น จะเรียกกันว่า "อนนะ เกชะ" (女芸者) หรือ เกชะหญิง แต่ในปัจจุบันเกชะเป็นหญิงเท่านั้น 
เดิมนั้นหญิงที่จะทำอาชีพเกชะจะได้รับการฝึกอบรมตั้งแต่เด็ก สำนักเกชะมักจะซื้อตัวเด็กหญิงมาจากครอบครัวที่ยากจน แล้วนำมาฝึกฝนเลี้ยงดูโดยตลอด ในช่วงวัยเด็ก พวกเขาจะทำงานเป็นหญิงรับใช้ เพราะผู้ช่วยเกชะรุ่นพี่ในสำนัก ถือเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนด้วยเช่นกัน และเพื่อชดใช้กับค่าเลี่ยงดูและการอบรมสั่งสอน การสอนและฝึกฝนอาชีพที่ยาวนานเช่นนี้ นักเรียนจะอาศัยอยู่ในบ้านของครูผู้ฝึก ช่วยทำงานบ้าน สังเกต และช่วยครู และเมื่อชำนาญเป็นเกชะแล้ว สุดท้ายก็จะเลื่อนขึ้นไปสู่ตำแหน่งครูผู้ฝึกอบรมต่อไป การฝึกอบรมนี้จะต้องใช้เวลานานหลายปีทีเดียว
ในเบื้องต้นนั้นเด็กสาวจะได้เรียนศิลปะหลายๆ แขนง ได้แก่ การเล่นดนตรี (โดยเฉพาะชามิเซน รูปร่างคล้ายกีตาร์) การขับร้อง การเต้นรำ การชงชา การจัดดอกไม้ (อิเคบะนะ) รวมถึงเรื่องบทกวีและวรรณคดี การได้คอยเป็นผู้ช่วยและได้เห็นเกชะรุ่นพี่ทำงาน พวกเขาก็จะมีความชำนาญมากขึ้น และเรียนรู้ศิลปะที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การแต่งชุดกิโมโน รวมถึงการพนันหลายแบบ รู้จักการสนทนา และการโต้ตอบกับลูกค้า
เมื่อหญิงสาวได้เข้ามารับการฝึกฝนเป็นไมโกะ หรือเกชะฝึกหัด ก็จะเริ่มติดตามเกชะรุ่นพี่ไปยังโรงน้ำชา งานเลี้ยง และการสังสรรค์ต่างๆ ที่เป็นสภาพแวดล้อมการทำงานจริงของเกชะ ทำให้ได้ประสบการณ์ทำงานจริง และมีความชำนาญขึ้นเรื่อยๆ
"เกชะนั้นไม่ใช่โสเภณี" แม้ว่าในอดีตจะมีการขายพรหมจารีอย่างถูกต้อง และเกชะก็ไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้า แม้ว่าลูกค้าจะจ่ายเงินซื้อเพื่อการนี้ก็ตาม เกชะกับโสเภณี มีความแตกต่างพอสมควร โดยสังเกตอย่างง่ายจากการแต่งตัว โดยที่โสเภณีจะมีสายโอบิผูกชุดที่สามารถแกะได้จากข้างหน้า เพื่อความสะดวกในถอดชุดออกออก เครื่องประดับของเหล่าหญิงโสเภณีมีความงดงาม หรูหรา ฟู่ฟ่า ในขณะที่เกชะมีผ้าโอบิผูกจากข้างหลังตามชุดกิโมโนทั่วไป เครื่องประดับนั้นจะเรียบง่ายแต่แสดงออกถึงความสวยงามตามธรรมชาติ ในรูปแบบของศิลปะได้อย่างดีทีเดียว
เกชะสมัยใหม่จะไม่ถูกซื้อตัว หรือพามายังสำนักเกชะตั้งแต่เด็กเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว การเป็นเกชะในสมัยใหม่นั้น เป็นไปโดยสมัครใจทั้งสิ้น และการฝึกฝนอาชีพนั้น จะเริ่มต้นที่หญิงสาว ช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ไม่ใช่เด็กหญิงอย่างแต่ก่อน และจะใช้เวลาที่ยาวนานและยุ่งยากมาก เพราะฝึกเมื่ออายุมาก
ปัจจุบันเกชะยังคงอาศัยอยู่มากในสำนักเกชะ ในบริเวณพื้นที่ซึ่งเรียกว่า ฮะนะมะชิ(花街 "เมืองดอกไม้") หรือ คะเรียวไก (花柳界 "โลกของดอกไม้และต้นหลิว") ซึ่งคล้ายกับย่านโพนโทะโช ในเกียวโต
เกชะนั้นมักได้รับการว่าจ้างให้ปรนนิบัติหมู่คณะ และมักทำงานร่วมกัน ในโรงน้ำชา (茶屋, ชะยะ) หรือร้านอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยเวลาใช้บริการนั้นจะใช้ธูปจุดเป็นเกณฑ์วัด เรียกว่า "เซนโกได"(線香代, "ค่าธูป") หรือ เคียวกุได (玉代 "ค่าเพชร") ลูกค้าจะติดต่อโดยผ่านสำนักติดต่อเกชะ หรือ “เค็นบัน” (検番) ซึ่งจะมีตารางนัดของเกชะแต่ละคน และทำการนัดหมาย ทั้งเพื่อการทำงานและการฝึกฝนอาชีพ
เมื่อหญิงที่ทำงานเป็นเกชะแต่งงาน ก็จะเลิกจากอาชีพนี้ หากไม่แต่งงาน เมื่ออายุมากขึ้น ก็จะเลิกอาชีพนี้เช่นกัน แต่อาจทำงานเป็นเจ้าของร้านอาหาร ครูสอนดนตรี เต้นรำ หรือครูสอนเกชะต่อไปก็ได้

เกชะสมัยใหม่

ซายูกิ (ฟิโอน่า เกรแฮม เกิดที่เมลเบิร์น) เป็นชาวออสเตรเลีย ที่ทำงานเป็นเกชะในประเทศญี่ปุ่น เธอยังเป็นนักมานุษยวิทยา ผู้ผลิตและ ผู้กำกับภาพยนตร์สารดคี รวมทั้งทำงานที่สถานีโทรทัศน์ไม่ว่าจะเป็น NHK National Geographic Channel 4 และ BBC หลังจากที่ได้รับการฝึกอบรมในสำนักเกชะเป็นเวลาหนึ่งปี ในปี 2007 ซายูกิก็ได้กลายเป็นเกชะเต็มตัว ณ. ย่านอาซาคุซะ ในมหานครกรุงโตเกียว และเป็นเกชะชาวตะวันตกคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ซายูกิได้รับการฝึกฝนศิลปะหลาย ๆ แขนง ได้แก่ การเล่นดนตรี การขับร้อง การเต้นรำ การชงชา รวมทั้งเรื่องบทกวีและวรรณคดี สิ่งที่ซายูกิชำนาญมากที่สุดก็คือ ขลุ่ยญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “โยะโคะบุเอะ” (Yokobue) ซายูกิจบการศึกษาปริญญาตรีสาขามานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัย Oxford และปริญญาโท MBA จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ซายูกิยังเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเคโอ หนึ่งในมหาลัยที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และยังเคยทำงานในบริษัทญี่ปุ่น เช่น Tokyo’s night world กับที่นักกีฬาญี่ปุ่น รวมทั้งอะนิเมะชั่น หนังสือของซายูกิ “Inside the flower and willow world” โดยสำนักพิมพ์ Pan Macmillan ประเทศออสเตรเลีย หนังสือสารคดีเกี่ยวกับโลกของเกชะ

คะบุกิ

คะบุกิ (ญี่ปุ่น歌舞伎 kabuki ?) เป็นศิลปการแสดงของญี่ปุ่น โดยมีการแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ มีการเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉง แสดงออกซึ่งท่าทางที่มีความหมาย เช่น ร้องไห้ เสียใจ โดยมีเนื้อเรื่อง 2 ประเภท คือเรื่องเกี่ยวกับสังคมซามูไร และ เรื่องราวชีวิตของชาวเมือง 
คะบุกิ เริ่มต้นในตอนต้นของศตวรรษที่ 17 โดยมีการเปิดการแสดงในเกียวโต โดยคณะละครที่ประกอบด้วยผู้ร่ายรำสตรีที่นำโดยผู้ดูแลศาลเจ้าอิซุโมะ แต่หลังจากนั้นปี ค.ศ. 1629 ได้มีประกาศรัฐบาลห้ามสตรีแสดงด้วยมีจุดประสงค์ที่จะรักษาศีลธรรมของประชาชน ดังนั้นคะบุกิจึงแสดงโดยเด็กหนุ่มและเมื่อรัฐบาลห้ามมิให้เด็กหนุ่มแสดง คะบุกิจึงแสดงโดยผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่



คะวะอี

คะวะอี (ญี่ปุ่นかわいい kawaii ?) เป็นคำในภาษาญี่ปุ่น หมายความว่า น่ารักน่าชม และหมายถึงคุณลักษณะน่ารักตามบริบทของวัฒนธรรมญี่ปุ่น
คะวะอีนั้นเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งในวัฒนธรรมสมัยนิยม การบันเทิง การแต่งองค์ทรงเครื่อง อาหาร ของเล่น รูปโฉมโนมพรรณ พฤติกรรม และจรรยามารยาทของชาวญี่ปุ่น

ความแพร่หลาย

เราสามารถพบสิ่งน่ารักได้ทุกที่ในญี่ปุ่นตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ไปจนถึงตลาด หรือตั้งแต่รัฐบาลญี่ปุ่น จนถึงสำนักงานในเมือง หลายบริษัทไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างก็ใช้ตัวนำโชคน่ารักๆเพื่อแสดงสินค้าและบริการของตนสู่สาธารณะ ตัวอย่างเช่น
  • บริษัท All Nippon Airways ตกแต่งเครื่องบินด้วยรูปพิกะจู ตัวการ์ตูนในเรื่องโปเกมอน
  • โคนัน ตัวการ์ตูนจากเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน
  • ธนาคารอาซาฮี ใช้ มิฟฟี่ ตัวการ์ตูนจากหนังสือภาพของเยอรมัน บนบัตรเอทีเอ็ม
  • บริษัทผลิตถุงยางอนามัยแห่งหนึ่งใช้ มงกิจิ ตัวการ์ตูนรูปลิง บนกล่องถุงยาง
  • จังหวัด 47 จังหวัดใช้ตัวนำโชคน่ารัก
  • บริษัทไปรษณีย์ญี่ปุ่นใช้ตัวนำโชคน่ารักๆบนแสตมป์
  • ตำรวจญี่ปุ่นใช้ตัวการ์ตูนน่ารักๆเป็นตัวนำโชค และบางครั้งก็ติดไว้หน้าป้อมตำรวจ
สินค้าน่ารักเป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ สองบริษัทใหญ่ที่ผลิตสินค้าเหล่านี้ ได้แก่ ซานริโอ (ผู้ผลิตเฮลโล คิตตี้) และ San-X (ผู้ผลิต "Kogepan", "Nyan Nyan Nyanko" และ "Rilakkuma") .
ความน่ารักอาจหมายถึงแฟชั่นของแต่ละคน โดยเฉพาะเสื้อผ้าซึ่งมักจะเป็นเสื้อผ้าสำหรับเด็ก ที่มีขนาดเล็ก และเน้นในเรื่องความน่ารักของผู้สวมใส่

ความรู้สึกของคนญี่่ปุ่น

ชาวญี่ปุ่นยอมรับมากขึ้นว่าความน่ารักเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นและเป็นเอกลักษณ์ของชาติ โทะโมะยุกิ ซุงิยะมะ ผู้แต่ง "Cool Japan" เชื่อว่า ความน่ารักถูกฝังรากในวัฒนธรรมความสามัคคีของญี่ปุ่น โนะบุโยะชิ คุริตะ ศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยมุซะชิ กล่าวว่า "ความน่ารัก" เป็น"คำวิเศษ"ที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นที่ยอมรับและปรารถนาในญี่ปุ่น
ในทางตรงกันข้าม ชาวญี่ปุ่นส่วนน้อยได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่ารัก โดยมองว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของความอยากเป็นเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮิโระโตะ มุระซะวะ ศาสตราจารย์ด้านความงามและวัฒนธรรมแห่งมหาวิทยาลัยโอซาก้าโชอิงกล่าวว่า ความน่ารักเป็น"ภาวะทางจิตใจที่ก่อให้เกิดความไม่หนักแน่น"

อิทธิพลต่อวัฒนธรรมประเทศอื่น

ผลิตภัณฑ์น่ารักๆเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศในเอเชียตะวันออก เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ผลิตภัณฑ์จำนวนมากถูกนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น และบางส่วนก็ผลิตเองภายในประเทศ
คำว่า คะวะอี ซึ่งเป็นคำศัพท์ญี่ปุ่นแปลว่า น่ารัก ได้กลายเป็นคำทับศัพท์ในวัฒนธรรมเอเชียและตะวันตกบางส่วน

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ30 มกราคม 2565 เวลา 14:13

    Best Casino Sites in South Korea
    The หาเงินออนไลน์ most popular online casino sites choegocasino in South Korea. A great choice for gambling fans and players. Play casino games for free 바카라사이트 on mobile or desktop 🏆 Best Mobile Casino: Microgaming🏆 Best Online Casino: LeoVegas🏆 Best Mobile Casino Bonus: Sloto

    ตอบลบ